top of page

EP15

หูอื้อ ในมุมมองแพทย์แผนจีน

หูอื้อ (Tinnitus) เป็นอาการที่ผู้ป่วยได้ยินเสียงดังอยู่ภายในหู แต่ไม่มีแหล่งกำเนิดเสียงที่สอดคล้องกันกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ เสียงที่ดังจะมีลักษณะแหลมสูงหรือทุ้มต่ำ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในทางคลินิก โดยในทางการแพทย์แผนจีน แบ่งแยกอาการออกเป็น 2 รูปแบบ

1. อาการแกร่ง : เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ระยะเวลาดำเนินโรคสั้น

2.อาการพร่อง : เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ระยะเวลาดำเนินโรคค่อนข้างนาน ดังเช่นในกรณีคนไข้รายนี้

 

ชาย วัย 38 พบว่าใน 3 เดือนที่ผ่านมา มีเสียงในหู ลักษณะคล้ายเสียงจิ้งหรีด จะเป็นมากในตอนกลางคืน หรือ อยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ และหากอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังหรือคนเยอะ ก็จะมีอาการเสมือนมีลมออกหูเป็นระยะๆ

 

จากการตรวจร่างกายพบว่า

- คนไข้มีอาการมีเสียงในหู ลักษณะคล้ายเสียงจิ้งหรีด จะเป็นมากในตอนกลางคืน หรือ อยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ ระดับความดังของเสียง 4/10 และหากอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังหรือคนเยอะ ก็จะมีอาการปวดแน่นๆเสมือนมีลมออกหูเป็นระยะๆ ระดับความเจ็บปวด 6/10

- ระยะเวลาดำเนินโรค 3 เดือน ไม่ทราบสาเหตุ และไม่มีอุบัติเหตุใดๆ

- ใจร้อน มีความเครียด ทำงานหนักเป็นประจำ

- นอนหลับยาก เนื่องจากเสียงในหู และมักตื่นกลางดึก ตื่นแล้วหลับต่อยาก

- ขับถ่ายปกติ วันละ 1 ครั้ง

- ชีพจรเล็กและเร็ว ลิ้นมีสีแดง ปลายลิ้นสีแดงเข้ม ไม่พบฝ้าที่ลิ้น

 

วินิจฉัยสาเหตุของอาการ

คนไข้มีภาวะอินในตับและไต รวมถึงสารน้ำในร่างกายพร่อง ส่งผลให้เกิดความร้อนภายใน ไฟตับลุกโชน จนเกิดอาการหูมีเสียงและมีลมออกหูขึ้น

 

การรักษา

ฝังเข็ม + กระตุ้นไฟฟ้า : ระบายความร้อน บำรุงอิน กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด พร้อมทั้งบำรุงตับและไต 

โดยฝังเข็มร่วมกับกระตุ้นไฟฟ้า อย่างต่อเนื่อง 2 ครั้ง/สัปดาห์

หลังการรักษาครั้งที่ 1 : ระดับความดังของเสียง เหลือ 3/10 ระดับความเจ็บปวดยังคงเท่าเดิม

หลังการรักษาครั้งที่ 4 : ระดับความดังของเสียง เหลือ 2/10 ระดับความเจ็บปวด เหลือ 4/10

หลังการรักษาครั้งที่ 6 : ระดับความดังของเสียง เหลือ 1/10 ระดับความเจ็บปวด เหลือ 2/10 นอนหลับสนิทมากขึ้น และไม่มีตื่นกลางดึก

 

คำแนะนำ

- หากิจกรรมที่ช่วยคลายความเครียด รวมถึงหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียด

- หลีกเลี่ยงเสียงรบกวนต่างๆ

- พักผ่อนให้เพียงพอ

- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 

bottom of page